วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

หากเรามีความสุขมากพอ เราจะสามารถแผ่แผ่ให้คนรอบข้างได้ นั้นคือสิ่งที่ตนเองเรียนรู้ได้จากพระเดชพระคุณ

หากเรามีสุขมากพอ จะสามารถแบ่งปันความสุขให้กับคนรอบข้าง และคนทั้งโลกได้ 

นั้นแหละคือสิ่งที่ตนเองได้จากวัดใหญ่ย่านปทุมฯ  จำได้ว่าสมัยเมื่อครั้งที่ตนเองทำงานที่เนื่องด้วยการประมูลงาน ครั้งนั้นต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ได้งานมา ไม่มีหรอกนะที่จะมาคิดให้คนอื่น ให้เขาไป แบ่งเขาไป คิดแต่เพียงทำอย่างไงจะได้ ทำอย่างไงจึงจะมี หรือพูดง่ายๆ เข้าทำนอง มือใครยาว สาวได้ สาวเอา ว่างั้น!!!

กระทั่งมีโอกาสมารู้จัก และทำงานที่วัดใหญ่ย่านปทุมฯ เพียงเพราะเหตุผลเดียวคือ ชอบทำงาน งั้นงานอะไรที่ท้าทาย ใช้ความติด เดินสาย เหนือ ออก ตก ฯลฯ ในประเทศ ต่างประเทศบ้าง ต้องมีเรา งานที่ว่าคือช่างภาพ นักข่าว งั้นทุกความเคลื่อนไหวในทุกกิจกรรม ที่เนื่องด้วยวัดใหญ่ย่านปทุมฯ​รวมถึงพระเดชพระคุณ ฯ ตนเองรู้ ตนเองเห็น ทั้งที่บอกได้ บอกไม่ได้มากมาย









อ๊ะ อ๊ะ ที่บอกไม่ได้ ไม่ใช่อะไร เพราะเกรงว่าบอกไปจะไม่ได้ทำไง เช่นงานอุทิศส่วนกุศล เหตุสึนามิ ที่พังงา งานที่สร้างความเชื่อมั่นในการเมืองยุคนั้น ขณะเดียวกันก็สร้างความประทับใจให้กับผู้ได้ผลกระทบจากเหตุดังกล่าวด้วย 

อาจจะพูดได้ว่า ครั้งนั้นเอง ทำให้ตนเองเริ่มชอบเพลงหนึ่งที่ใครไม่รู้แต่ง และพูดถึงพระเดชพระคุณฯ ที่ว่า ....แม้อาจมีใครไม่รู้ ใครที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกอย่างในสิ่งที่อัศจรรย์ใจ .. ไม่รู้ว่าเพลงอะไร แต่เรียกว่าเป็นเพลงที่เข้าไปในใจตนเอง และเริ่มที่จะรักพระเดชพระคุณฯ


ตนเองยังเคยขับรถข้ามจังหวัดใน 4 จังหวัดภาคใต้ เพื่อไปเก็บภาพ และสัมภาษณ์พระ และวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในภาคใต้ และความช่วยเหลือที่พระเดชพระคุณฯ ช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้เข้าสู่ปีที่ 12 แล้ว  ถามว่าระหว่างที่ใครที่ไม่เข้าใจความตั้งใจของพระเดชพระคุณฯ​ในการช่วยเหลือดังกล่าว และเราอยู่หน้างาน เห็น และเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง จะให้ตนเองคิดอย่างไง??






แต่นั้นยิ่งทำให้ตนเองรักวัดใหญ่แห่งนี้ เพิ่มขึ้น แต่กระนั้นตนเองก็ยังไม่ได้รัก ไม่ชอบการนั่งสมาธิ ทั้งที่พระเดชพระคุณฯ เน้นว่า "ควรจะนั่งสมาธิควบคู่ไปกับการทำงาน" 5555 ก็ไม่ชอบนะสิ!!!

และด้วยความที่ไม่ชอบนั่งสมาธินั้นแหละ สิ่งต่างๆ จึงเกิดขึ้นกับตนเองมามากมาย จากปกติเป็นคนที่เพื่อนเยอะ ย้ำว่าเพื่อนเยอะ แต่ทั้งนี้ก็ไม่สามารถรักษาความเพื่อนเยอะได้ เอ๊ะ!! ไม่ใช่สิ ต้องใช้คำว่า ไม่รักษาน้ำใจของเพือนๆ ที่เวียนวนเข้ามาในชีวิตนได้เลย บ่อยครั้งในการทำงาน ที่ต้องเนื่องด้วยกับเพื่อน หรือบางครั้งเพื่อนมาช่วย มักมีเหตุให้ตนเองทะเลาะกับเพื่อนๆบ่อยมาก ความที่ตนเองใจร้อน ดูเหมือนเอางาน ไม่เอาเพื่อน ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่!!







พูดได้อย่างเต็มปาก ตนเองทำร้ายความตั้งใจดีของเพื่อนๆที่หวังดีมามาก ต่อมาก เพราะความใจร้อน เอางาน มั่น สุดโต่ง นี่แหละ และนั้นคือสิ่งที่ทำให้เสียใจมา ณ ตอนนี้


กระทั่งมีเหตุให้ต้องหันมานั่งสมาธิในที่สุด เมื่อตนเองได้ลุกขึ้นมาจัดทริปไปมัณฑเลย์ พุกาม เป้ามหายเพื่อเชิญชวนผู้ที่สนใจไปร่วมตักบาตร 1 หมื่นรูปครั้งแรกของมัณฑเลย์ ครั้งนั้นทั้งเครียด ทั้งเหนื่อย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สมาชิกร่วมทริป จนหมดหนทาง จึงลองเปิดทางให้ได้ลองหันมานั่งสมาธิอย่างจริงจัง แรกๆที่นั่งคือ 2 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 4 6 8  และ 12 ชั่วโมงในที่สุด ครั้งนั้นอะไรเกิดขึ้นกับตนเองรู้ไหม??  "ใจเย็น มีความสุข" ทุกคนที่โทรเข้ามาสอบถามตนเองจะพูดเย็นๆให้ข้อมูล ทำไม ยังไง ที่เนื่องด้วยกิจกรรมการตักบาตรครั้งนั้น และมันก็ทำให้ประสบความสำเร็จกับการจัดทริปครั้งนั้น





และมันก็ทำให้ตนเองติดใจ ค่อยๆหาโอกาสนั่ง เมื่อมีโอกาส มากน้อยก็นั่ง กระทั่งตอนนี้เข้าใจทำพูดที่ว่า "หากเรามีความสุขมากพอ แบบมากๆ เราจะสามารถเผื่อแผ่ให้คนรอบข้างได้ อยากให้คนรอบข้างมีความสุขเหมือนเรา คิดและเป็นเหมือนเรา" เข้าใจคำว่า "หนึ่งอั๊ว สองลื้อ" หรือแปลง่ายๆว่าความสุข เร่ิมจากเรานั้นแหละค่ะง่ายๆ  

ต้องให้บอกอะไรอีกไหม เหตุผลอะไรถึงรักพระเดชพระคุณฯ

ราตรีสวัสดิ์พระรัตนตรัย

1 ความคิดเห็น: